ภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมาไดอิจิเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวและน้ำทะเลสึนามิที่แรงมหาศาล และยังส่งผลกระทบต่อด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ภัยพิบัตินิวเคลียร์ทำให้สารมลพิษรังสีรั่วออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมาไดอิจิ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ทำงานและประชาชนในบริเวณใกล้เคียง
ในช่วงตามภัยพิบัติ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการสถานการณ์ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนและอันตราย พนักงานในโรงไฟฟ้า ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับระดับรังสีที่สูงและต้องการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันการปล่อยสารมลพิษรังสีเพิ่มเติม
สิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมาไดอิจิต้องเผชิญอยู่คืออันตรายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ รังสีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่มีความอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพมนุษย์ รังสีสามารถทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายและเกิดพิษในระยะยาวได้ ซึ่งทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องใช้การป้องกันที่เข้มงวดในการจัดการกับมลพิษรังสีและความเสี่ยงที่เกิดจากการสัมผัสกับรังสี
อนึ่ง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมาไดอิจิได้รับการกล่าวหาโดยบางกลุ่มคนว่ามีความผิดหรือความล่วงละเมิดในการจัดการสถานการณ์ แต่ในทางกลับกันก็มีกลุ่มคนที่ยกย่องเป็นวีรบุรุษที่สร้างสรรค์และทำงานอย่างหนักเพื่อบรรเทาสถานการณ์และป้องกันการเกิดการรังสีเพิ่มเติม
สรุปมาถึงวันนี้ ภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นที่ฟุกุชิมาไดอิจิยังคงเป็นสิ่งที่มีผลกระทบมากๆทั้งในด้านสังคม การเงิน และสิ่งแวดล้อม และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัตินิวเคลียร์ต้องดำเนินงาน